Sunday, February 26, 2006

..ปลาฉลามในชีวิต..

คนญี่ปุ่นชอบเนื้อปลาสด

แต่ทะเลหรือแหล่งน้ำในญี่ปุ่นไม่มีปลาชุกชุมมากว่าหลายทศวรรษแล้ว ชาวประมงจึงออกไปหาปลาในน่านน้ำไปอยู่ไกลออกไป ทำให้ยิ่งใช้เวลานานออกกว่าจะนำปลากลับมา ปลาจึงไม่สด คนญี่ปุ่นไม่ชอบรสชาติแบบนั้น

บริษัทประมงจึงทำการติดตั้งแท้งค์น้ำ แล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ลงไป แต่พอถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่ในแท้งค์นานๆเข้าปลาก็ไม่ยอมว่าย และเซื่อมซึมลง

โชคไม่ดีที่คนญี่ปุ่น ก็ยังสามารถแยกความแตกต่างในรสชาติของเนื้อปลาได้อยู่เหมือนเดิม คนญี่ปุ่นชอบความสดและรสชาติของปลาใหม่ๆ มากกว่าปลาเฉื่อยๆแบบนั้น แล้วบริษัทประมงของญี่ปุ่นจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? เสือไม่ยอมกินเหยื่อที่ตายแล้ว คนก็ไม่ยอมกินปลาที่ตายแล้วเหมือนกัน บางทีการเป็นของตายมันก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรอีกต่อไป ..!!

ทางแก้ปัญหาเรื่องปลาของญี่ปุ่นนั้นง่ายนิดเดียว คือ เอาปลาใส่ในแท้งค์ แล้วเอาปลาฉลามใส่ลงไปด้วย

ปลาฉลามอาจกินปลาไปนิดหน่อย แต่มันทำให้ปลาอื่นๆมีชีวิตชีวามากขึ้น ปลาได้ผจญภัย ไม่เบื่อ ไม่เป็นปลาที่รอวันตาย

ความท้าทายที่พอดี จะทำให้เราสนุกกับปัญหา สนุกกับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆที่เข้ามา พอคิดถึงเรื่องท้าทายต่างๆ แล้วก็จะรู้สึกว่ามีพลังขึ้นมา ตื่นเต้นที่จะลองวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ แล้วรู้สึกสนุกกับมัน มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณยังมีชีวิตอยู่

และนั่นล่ะ มันก็เป็นการท้าทายคนที่จะมากินปลาด้วยเช่นกัน

วันนี้คุณหาปลาฉลามมาใส่ไว้ในชีวิตคุณบ้างหรือยัง ?!!?

..ข้อความจากเพื่อนเกลอ..

ชายคนหนึ่งมีเพื่อนเกลออยู่ 3 คน

เกลอคนที่ 1 เขารักมาก ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเกลอคนนี้เกลอคนที่ 2 เขารักรองลงมาจากคนแรกเกลอคนที่ 3 เขาไม่สนใจ และไม่เคยทำอะไรเพื่อเกลอผู้นี้เลย

ต่อมาในไม่ช้าไม่นาน เขาก็ได้ตายลงความที่จิตเขาผูกพันกับอยู่กับเกลอคนที่หนึ่ง เขาจึงไปหาแต่เกลอคนนี้ไม่ไยดีเขาเลย เขาพูดด้วยก็ไม่ยอมเจรจาตอบ เขารู้สึกเสียใจมากและนึกเสียดายว่าขณะที่มีชีวิตอยู่เขาไม่ควรทุ่มเทเพื่อเกลอคนนี้จากนั้นเขาจึงไปหาเกลอคนที่ 2เกลอผู้นี้ดีกว่าเกลอคนแรกตรงที่ตามไปส่ง

เมื่อเขาเดินทางไปปรโลกแต่ส่งเพียงครึ่งทางก็กลับคงมีแต่เกลอคนที่ 3 เท่านั้นที่ติดตามเขาและร่วมเดินทางไปกับเขาตลอดเส้นทาง ไม่เคยทอดทิ้งเขาแม้เพียงอึดใจเดียว

หลังจากอ่านจบขอถามนะว่า รู้ไหมว่าเกลอคนที่ 1 , 2 และ 3 เป็นใครกันบ้างลองคิดกันก่อนนะ แล้วค่อยดูเฉลย

เกลอคนที่1 คือ ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเราแถมเราพูดด้วย มันก็ไม่พูดกับเรา

เกลอคนที่2 คือ ลูกเมีย ญาติพี่น้องเพราะพอเราตาย เขาก็ทำบุญให้เรา ทำศพให้ แปลว่า เขาไปส่งเราแค่ครึ่งทาง

เกลอคนสุดท้าย คือ บุญกับบาปเมื่อเราตายไป เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้ยกเว้นเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น ที่จะตามเราไปเพราะฉะนั้น เราต้องเอาใจใส่เกลอคนที่3 ให้มากโดยเฉพาะคนที่ ชื่อนายบุญ ส่วนนายบาป เราต้องหนีให้ไกลอย่าได้เอาไปเป็นเพื่อนร่วมทางโดยเด็ดขาด

จำไว้ว่าใครที่มัวหลงใหลเอาใจแต่เกลอคนที่หนึ่งจึงเป็นคนโง่

Thursday, February 23, 2006

..เรื่องดีดี..

1. อย่ากังวล เพราะความกังวลใจเป็นการลดคุณภาพ ของการทำงานและการคิดค้นของมนุษย์

2.อย่าปล่อยให้ความกลัวครอบครองชีวิตคุณ เพราะสิ่งที่เรากลัวอาจจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย

3.อย่าโกรธนานเกินไป เพราะความโกรธเป็นสิ่งที่หนักที่สุดที่มนุษย์แบกไว้

4.แก้ปัญหาทีละเรื่อง เพราะจริงๆแล้ว ก็มีวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือ แก้ปัญหาทีละเปลาะ

5.อย่านำปัญหาเข้านอนด้วย เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ และอาจทำให้คุณนอนไม่หลับได้

6.อย่าแบกปัญหาของคนอื่นเพราะ พวกเขาอาจจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ดีกว่าคุณ

7.อย่าจมอยู่กับอดีต อดีตอยู่ในความทรงจำของคุณ เพื่อความสุขในการระลึกถึง แต่อย่าจมอยู่กับอดีต จงสนใจแต่ปัจจุบัน และคุณจะมีความสุขอยู่ในปัจจุบัน เหมือนเช่นเคยมีความสุขในอดีต

8.เป็นผู้ฟังที่ดี คุณสามารถเรียนรู้ได้จาก การที่คนอื่นคิดต่างจากคุณ

9.อย่าให้ความกังวลทำลายคุณ การมัวแต่สงสารตัวเองจะทำให้คุณ ไม่สามารถทำสิ่งที่ดีและก้าวต่อไปในอนาคตได้

10.นับเรื่องดีดี ในชีวิตคุณ อย่าลืมเรื่องดีๆในชีวิต แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเรื่องเล็กๆรวมกัน ก็จะกลายเป็นเรื่องดีๆ ใหญ่ๆ ได้

..อุปสรรค..

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคน หนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว

วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอก ด้วยความโง่เขลาของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางเป็นเวลาหลายเพลาชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา

ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้วอีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ

ครั้งแรกเมื่อดินไปถูกหลังลามันตกใจ และรู้ชะตากรรมของตนทันที มันร้องโหยหวนทันที สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป หลังจากที่ชาวนาตักดินใส่ไปในบ่อได้สัก สองสามพลั่วก็เหลือบมองลงไปในบ่อก็พบกับความประหลาดใจที่ว่า ทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลามันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น

ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจที่เจ้าลาในที่สุดก็สามารถหลุดพ้น
จากปากบ่อดังกล่าวได้


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า“ ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเราก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้จงแก้ไขมัน เพื่อที่เราจะได้เหยียบมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเสมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ฉันใดฉันนั้น”